cartier เป็นแบรนด์เครื่องเพชรพลอยรวมทั้งแบรนด์นาฬิกา พวกเขามีจิตวิญญาณที่ความเป็นยอดที่ไม่ยินยอมปลดปล่อยผลิตภัณฑ์ที่มิได้ประสิทธิภาพออกสู่ตลาด เพราะเหตุว่าเครื่องเพชรพลอยรวมทั้งนาฬิกาทุกชิ้นต้องเป็นสิ่งที่เยี่ยมที่สุดในสายตาของพวกเขา แล้วอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อนำจิตวิญญาณแบบนี้มาผสมกับความรู้ความเข้าใจรวมทั้งความวิจิตรบรรจงของช่างเพชรนิลจินดาแล้วก็ช่างซ่อมนาฬิกา คำตอบที่ได้อยู่ตรงนี้แล้วในแบรนด์ชั้นแนวหน้าระดับนานาชาติที่ชื่อว่า เป็นแบรนด์เครื่องเพชรพลอยรวมทั้งเรือนเวลาสุดหรูชนชาติประเทศฝรั่งเศสที่มีประวัติเป็นเวลานานกว่า 170 ปี จากร้านค้าเพชรเล็กๆแห่งหนึ่งในกรุงปารีส สู่การเป็น ‘Jeweller of Kings, King of Jewellers’ ที่ได้รับการตั้งชื่อโดยประธานที่อังกฤษ เป็นแบรนด์เพชรนิลจินดาเครื่องเพชรพลอยและก็ นาฬิกา ที่เป็นที่ชอบของวงศ์สกุลรวมทั้งผู้ดีทั้งโลกเรื่อยๆมา
cartier ที่แสดงถึงความหรูแพรวพราว ความประณีตบรรจง ประสิทธิภาพ และก็ราคา
ล้วนเป็นคำชี้แจงความเป็น คาร์เทียร์ (Cartier) แบรนด์เครื่องเพชรพลอยและก็นาฬิกาสุดหรูของโลก คาร์เทียร์ ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องเพชรพลอยและก็นาฬิกาหรูเชื้อชาติประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีความเด่นในด้านวางแบบ การสร้างระดับความสามารถช่างศิลปไม่มีที่ติด้วยประสิทธิภาพเพชรนิลจินดาแล้วก็วัตถุดิบอันเยี่ยม จัดตั้งโดย นายหฝ่าส์ ฟรองซัวร์ คาร์เทียร์ (Louis-François Cartier) เมื่อปีคริสต์ศักราช1847 ได้เริ่มจากเด็กฝึกงาน ที่กรุงปารีส แล้วได้เริ่มได้โอกาสสร้างกิจการค้าด้วยการซื้อร้านค้าจากนายจ้าง
แม้ว่าจะกำเนิดความระส่ำระสายทางด้านการเมือง แม้กระนั้นธุรกิจของเขายังสามารถเติบโตอย่างสม่ำเสมอ เขาได้ปรับปรุงเป็น Cartier Boutique ที่แรก สร้างคอลเลคชั่นใหม่โดยนำเครื่องเพชรพลอยมาใส่ไว้ภายในนาฬิกา รวมทั้งได้ซื้อส่วนประกอบเครื่องเพชรพลอยจากผู้สร้างอีกทั้งในประเทศฝรั่งเศสแล้วก็ที่อื่นๆที่คาร์เทียร์ การออกแบบเป็นจุดกำเนิดของทุกอย่าง ความคลั่งไคล้ในเส้นอันบริสุทธิ์ ทรงที่ถูกต้อง รวมทั้งเนื้อหาอันล้ำค่าของเมซง เกิดสำเร็จงานที่ยังคงความสวยถึงแม้เวลาผ่านพ้นไปหลายทศวรรษ ศึกษาค้นพบคอลเลคชั่นเรือนเวลาซึ่งเปลี่ยนมาเป็นเครื่องหมายที่การออกแบบที่คาร์เทียร์ ไม่ว่าจะเป็นแทงก์ (Tank), ซานโตส (Santos), ปองแตร์ (Panthère), บัลลง เบลอ (Ballon Bleu) และก็อีกเยอะแยะ
แบรนด์เครื่องเพชรที่เริ่มด้วยเบื้องต้นของช่างซ่อมนาฬิกา
เรื่องราวของ เริ่มในตอนคริสต์ศตวรรษที่ 19ในกรุงปารีส เมื่อ Louis-François เด็กหนุ่มผู้เป็นศิษย์รวมทั้งผู้รับจ้างของ Adolphe Picard ผู้ที่มีความชำนาญด้านการสร้างนาฬิกา พวกเขาเปิดร้านเล็กๆอยู่ที่ Rue Montorgueil ทุกอย่างแปรไปในปี 1847 เมื่อ Louis ได้ตกทอดร้านค้าของคุณครูและก็เปิดร้านเป็นของตนเอง ซึ่งนอกเหนือจากที่จะขายนาฬิกาแล้วเขายังรับเครื่องเพชรจากประเทศฝรั่งเศสแล้วก็เมืองอื่นๆมาขายอีกด้วย ถึงแม้เขาบางครั้งก็อาจจะมิได้มีต้นทุนมากมายแม้กระนั้นเขาคัดสรรผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นอย่างดีเยี่ยม เพื่อรับรองให้กับลูกค้าว่าเครื่องเพชรพลอยพวกนั้นประสิทธิภาพดีเยี่ยมที่สุดจริงๆแต่ว่าแล้วในปี 1848 ได้มีการเปลี่ยนแปลงในประเทศประเทศฝรั่งเศส โดยชนชั้นแรงงานได้ต้านทานคนร่ำรวยแล้วก็กษัตริย์ของพวกเขา
เหตุการณ์นี้ทำให้ร้านค้าเครื่องเพชรเล็กๆของ Louis ตกในที่นั่งตรากตรำ ถึงแบบงั้นธุรกิจของ Louis ก็มิได้เจ๊งและก็ผ่านช่วงยากลำเค็ญมาได้ แต่ว่าแล้วเรื่องร้ายแรงก็กลับมากระทบเขาอีกที เมื่อการปฏิวัติสังคมนิยมหรือ “คอมมูนกรุงปารีส” ได้เกิดขึ้นในปี 1871 เรื่องนี้ทำให้ผู้ดีจำเป็นต้องหนี เพราะหัวหน้าคนใหม่มีเป้าหมายที่กำจัดฝูงคนรวย ทางเดียวที่เหลืออยู่ก็คือพวกเขาจำเป็นต้องขายเครื่องเพชรพลอย ถึงแม้ว่าจะได้ราคาที่ต่ำก็จำต้องยอม ซึ่งคนที่รับซื้อเครื่องเพชรไว้ซึ่งก็คือร้านค้า ที่บริหารโดย Alfred ลูกชายของ Louis ก็จำเป็นต้องถือว่าโชคเข้าข้าง cartier ในคราวนี้ ด้วยเหตุว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นสิ้นสุดลงข้างใน 2 เดือน ทางร้านค้าก็มิได้รับผลพวงอะไรเลย แถมในเวลานี้พวกเขายังมีคอลเลกชันเครื่องเพชรพลอยชั้นยอดมากมายก่ายกองเอาไว้ในถือครองอีกด้วย
ย้อนกลับไปในสมัยก่อนของผู้จัดตั้ง Louis-François (หฝ่าส์-ฟรองซัวส์ การ์คทิเยร์) ในวัยเด็กยังคงได้รับการเรียนในระบบเสมือนเด็กผู้อื่นแม้กระนั้นด้วยความเป็นพี่ชายคนโต จำเป็นต้องรับผิดชอบชีวิตของคนที่อาศัยอยู่ในครอบครัว เมื่อจบชั้นประถมก็เลยจำต้องออกไปพบงานทำ หฝ่าส์-ฟรองซัวส์ การ์คทิเยร์ เลือกงานทางด้านการค้าจิวเวอปรี่ โดยเข้าไปเป็นช่างทองฝึกที่ร้านค้าผลิตเครื่องเพชรพลอย Picard ซึ่งเป็น Jewelry Workshop ใน Rue Montorgueil (ถนนหนทางมงโคนร์เกยล์) กับนายช่าง Bernard Picard (เบอร์ท้องนาร์ค ปิการ์ค) เขายอมดำเนินงานตรงนี้อย่างมากถึง 15 ชั่วโมงต่อวัน แม้ว่าจะได้ค่าแรงน้อยแค่นั้น ท้ายที่สุดไม่มีผู้ใดผ่านการฝึกฝนการทำงานนั้นได้เลยเว้นเสียแต่ หฝ่าส์-ฟรองซัวส์ การ์คทิเยร์ เพียงผู้เดียว ก็เลยทำให้เขาได้รับช่วงต่อสำหรับเพื่อการดูแลร้านค้าที่นั้นในเวลาถัดมา
ต้นกำเนิดของคาร์เทียร์เดิมเป็นร้านค้าจิวเวลรี่เล็กๆที่ ถนนหนทาง Montorgueil ในกรุงปารีส นายหฝ่าส์รับช่วงกิจการค้าต่อจาก นายอดอล์ฟ พิการ์ด (Adolphe Picard) ยอดเยี่ยมช่างซ่อมนาฬิกาตอนนั้น ซึ่งนายหฝ่าส์ได้ทำความเข้าใจวิธีรวมทั้งแนวทางการต่างๆจากอดอล์ฟจนกระทั่งชำนิชำนาญ ผู้สืบทอดร้านค้าคาร์เทียร์ต่อจากนายหฝ่าส์ก็คือลูกชายของเขาเองชื่อ อัลเฟรด คาร์เทียร์ (Alfred Cartier) แล้วก็ผู้ที่ทำให้คาร์เทียร์ก้าวสู่ความเลื่องชื่อมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งโลกเป็น หฝ่าส์ (Louis), ปิเครื่องปรับอากาศ (Pierre) และก็ ฌาคส์ (Jacques) ลูกชายอีกทั้งสามคนของอัลเฟรด นับว่าเป็นจุดแปลงอันยิ่งใหญ่ของคาร์เทียร์ทั้งยังเครื่องเพชรพลอยและก็นาฬิกา
ศูนย์กลางเครื่องเพชรพลอยของกรุงปารีสรวมทั้งโลก
ภายหลังจากการปฏิวัติสังคมนิยมหรือ “คอมมูนกรุงปารีส” ก็ได้แปลงเป็นร้านเครื่องเพชรพลอยที่ทุกคนต่างสารภาพ แล้วก็เพราะว่ามีฐานลูกค้ามากขึ้น Alfred ก็เลยได้ตกลงใจเปิดร้านใหม่ที่ Rue de La Paix ในปี 1899 เพื่อประกาศให้คู่ต่อสู้ทราบดีว่า เป็นแบรนด์ที่สุดยอดที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ กระแสตอบรับนั้นดีเกินคาด เพราะว่าเดี๋ยวนี้ผู้คนล้นหลามแล้วก็ผู้ดีรวมทั้งผู้มีศักดาทั้งยังในแล้วก็เมืองนอกต่างสนใจกับร้านค้า ด้วยเหตุนี้ ก็เลยแปลงเป็นศูนย์กลางด้านเครื่องเพชรที่สำคัญที่สุดในกรุงปารีสรวมทั้งในโลก แม้กระนั้นโชคร้ายที่ Louis ไม่อาจจะอยู่ยกย่องการบรรลุเป้าหมายนี้ได้นาน เขาได้จากโลกนี้ไปในปี 1904 อย่างไรก็แล้วแต่ Alfred ก็มิได้บริหาร โดยลำพังเพราะเหตุว่าลูกชายทั้งยังสามของเขาเป็น
Louis, Pierre, รวมทั้ง Jacques ได้เข้ามาช่วยสำหรับเพื่อการดำเนินงาน แถมยังทำเป็นดีอีกด้วย โดยมี Louis เป็นหัวหน้ากลุ่ม เขามีความเข้มงวดเป็นอย่างมากในมาตรฐานระดับ “perfection” เพื่อไม่ให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์จะต้องเสียชื่อเสียงด้วยสินค้าที่มิได้มาตรฐาน อีกทั้งสามได้เริ่มเดินทางเพื่อขยายกิตติศัพท์ของแบรนด์ไปทั่วทั้งโลก โดย Louis ได้เดินทางไปประเทศรัสเซียในปี 1904 เพื่อทำเครื่องเพชรให้กับเจ้าขุนมูลนายและก็ผู้ดี ซึ่งได้รับกระแสตอบรับดีเยี่ยม ส่วน Jacques ได้เปิดร้านในกรุงลอนดอนในปี 1909 เขาได้ทำเครื่องเพชรมากไม่น้อยเลยทีเดียวให้กับพระราชโอรสประเทศอินเดีย และก็ในปีเดียวกันนี้ Pierre ก็ได้เดินทางไปเปิดสาขาเพิ่มที่นครนิวยอร์กซึ่งเครื่องเพชรพลอยของแบรนด์นั้นต่างเป็นที่ชอบใจของศิลปิน Hollywood อย่างที่สุด
รวมทั้งในปีคริสต์ศักราช 1847 หฝ่าส์-ฟรองซัวร์ การ์คทิเยร์ ซื้อธุรกิจถัดมาจากนายจ้างของเขา Adolphe Picard (อดอล์ฟ ปิการ์ค ลูกชายของเบอร์ทุ่งนาร์ด) แล้วตั้งเป็นร้านค้าเพชรเล็กๆซึ่งเขาเป็นทั้งยังพ่อค้าเครื่องเพชรพลอยและก็ช่างผู้ชำนาญด้านการซ่อมนาฬิกาไปในขณะเดียวกัน ด้วยความสามารถรวมทั้งความรู้ความเข้าใจของ หฝ่าส์-ฟรองซัวส์ “การ์คทิเยร์” ทำให้เริ่มมีบุคคลชั้นสูงเข้ามาเป็นลูกค้าอย่างไม่ขาดสาย ในปี คริสต์ศักราช 1855 Comtesse de Nieuwerkerke (กงต์แตสที่นีเยอแวร์ค) เมียของอธิบดีกรมศิลปากร ได้เปลี่ยนมาเป็นขาประจำของ คาร์เทียร์ รวมทั้งในปีต่อมา คริสต์ศักราช1856 เจ้าฟ้าหญิง Mathilde (มาทิลด์) หลานสาวของพระราชาธิราชนโปเลียนที่ 1 ก็มาเป็นลูกค้าของ คาร์เทียร์ ด้วยเหมือนกัน
คอลเลกชันธรรมชาติที่สะท้อนความเป็นสุดยอด
เครื่องเพชรพลอยของ นอกเหนือจากที่จะมีคุณลักษณะเด่นอยู่ที่ประสิทธิภาพยอดเยี่ยมแล้วยังมีเอกลักษณ์ในสไตล์ธรรมชาติอีกด้วย ทางแบรนด์มีคอลเลกชันเครื่องเพชรเยอะมากที่สะท้อนความสวยงามอย่าง “FAUNA” ซีรีส์เครื่องเพชรที่มีหน้าตาเสมือนสัตว์จากทุกทวีปทั้งโลก อาทิเช่น แมลงปอ นก งู ซึ่งสัตว์บางตัวสามารถขยับแขนขาได้ด้วย อีกคอลเลกชันหนึ่งเป็น “FLORA” ประกอบไปด้วยกำไลข้อมือ เข็มซ่อนปลาย และก็สร้อยคอที่มีหน้าตาของดเว้นอกไม้ที่ตกแต่งด้วยเพชร และก็ในที่สุดเป็น “PANTHER”
สัตว์ประจำเชื้อสาย ซึ่งหากแม้ชื่อจะเป็นเสือดำแต่ว่าสำหรับ มันเป็น “เสือดาว” โดยคอลเลกชันนี้มีอีกทั้งนาฬิกา กำไลข้อมือ สร้อยคอ หรือแหวน ซึ่งคราวก่อนปู่ Louis ก็มิได้มีตราประจำเครือญาติ แต่ว่า Louis รุ่นหลานนั่นแหละคือคนเริ่มต้นไอเดียนี้ เขาได้ทำไร่ทำนาฬิกาลายเสือดาวให้กับ Jean Toussaint แฟนของเขาในปี 1917 โดยลวดลายเสือดาวนั้นทำมาจากเพชรและก็โอนิคส์สีดำ Louis ได้ตั้งชื่อนาฬิกาเรือนนี้ว่า “La Panthère” ซึ่งเว้นเสียแต่ Jean จะปลาบปลื้มมากมายๆแล้ว คุณในฐานะหนึ่งใน Creative Team ก็ได้ปรับใช้ลวดลายนี้ให้มีทรงและก็เส้นที่ Dynamic มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งทำให้เป็นเป็นคอลเลกชันสำหรับสตรี! แน่ๆว่าทั้งยังสามคอลเลกชันนี้ ได้เปลี่ยนเป็นพื้นฐานที่มีคุณค่าของแบรนด์พร้อมทั้งเป็นที่เรียกร้องของทุกคนทั่วทั้งโลกจนกระทั่งเดี๋ยวนี้
Santos De Cartier : นาฬิกาสำหรับใส่ข้อมือนักบินเรือนแรก
นับว่าเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอันดับที่หนึ่งของแบรนด์ โดยเฉพาะสำหรับโมเดลของเพศชายที่เป็น Best Seller ของแบรนด์อย่างยิ่งจริงๆ รุ่นนี้ผลิตในปี 1904 ดีไซน์มาเพื่อ Alberto Santos-Dumont หนึ่งในคนคิดค้นเรือบินคนแรกๆของโลก ต้นเหตุมาจากการที่เขามองหานาฬิกาที่เหมาะสมกับการทดลองการบิน ก็เลยได้วานให้ หลานของผู้จัดตั้งแบรนด์ ช่วยวางแบบนาฬิกาให้กับเขารวมทั้งคำร้องขอนั้นก็ได้รับการตอบกลับ โน่นก็เลยเป็นครั้งแรกของการนาฬิกาสำหรับใส่ข้อมือสำหรับเพศชายที่เหมาะสมกับการบิน ทั้งยังยังเป็นจุดเปลี่ยนแปลงของแวดวงนาฬิกาจากที่เคยนิยมใช้แบบ Pocket มาเป็นแบบข้อมือ
แม้กระนั้น รุ่นนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ให้ล้ำสมัยเยอะขึ้นเรื่อยๆตามสมัยต่างๆยกตัวอย่างเช่น สายโลหะที่มีสกรูขันข้อต่อของสายเข้าด้วยกัน ถัดมาไม่นานในศตวรรษที่ 1980 รุ่นนี้ได้เปลี่ยนมาเป็น IT Watch ของแบรนด์ แต่แล้วพอถึงปี 2016 แบรนด์ได้หยุดการสร้างลงไป แล้วก็กลับมาผลิตอีกรอบในปี 2018 แน่ๆว่าในครั้งนี้ก็ได้รับความนิยมชมชอบเหมือนปกติ ทำให้ในขณะนี้รุ่นนี้มีหลายโมเดลให้เลือก มีอีกทั้งสำหรับหญิงแล้วก็เพศชาย ทำมาจากโลหะสีเงิน โลหะสีทองคำแล้วก็มีสายหนังหลายสี วางแบบมาเพื่อกับข้อมือของผู้ใส่ได้อย่างพอดิบพอดี และใส่สบายอีกด้วยจ้ะ
Panthère de Cartier : ออกแบบหรูหราอย่างกับเครื่องเพชรพลอย
Panthère de cartier นาฬิกา Iconic ในตำนานยอดนิยมอย่างยิ่งตั้งแต่อดีตกาลจนกระทั่งตอนนี้ ซึ่งชื่อของนาฬิการุ่นนี้มาจากชื่อเล่นที่ ตั้งให้กับ Jeanne Toussaint ผู้ครอบครองตำแหน่ง Designer Director ของแบรนด์ที่มีไลฟ์สไตล์หวานใจอิสระ สง่างาม แม้กระนั้นแอบแฝงด้วยความน่าเคารพ จนได้สมญานามว่า “The Panther” โดยคำว่า ปองแตร์ (Panthère) เป็นภาษาประเทศฝรั่งเศสแปลว่า Panther หรือเสือดำนั่นเอง โดยดีไซน์ของนาฬิกาจะอบอวลไปด้วยกลิ่นของสมัย 80 ที่ทำให้รู้สึกนึกถึงวันหวานที่ครึกครื้นแล้วก็กระปรี้กระเปร่า แต่ว่ายังคงความสวยสง่าสวยแล้วก็หรูหรา เปิดตัวคราวแรกในปี 1983 ใช้มายากลไลระบบควอตซ์ ตัวบ้านมาในทรงสี่เหลี่ยม หน้าปัดนาฬิกาตกแต่งด้วยมาร์กเกอร์จำนวนโรมันสีดำ เข็มสีน้ำเงิน (Blue Steel) แล้วก็เม็ดมะยมทรงแปดเหลี่ยมประดับประดา Sapphire ตามแบบฉบับบของแบรนด์ มาพร้อมสายลายก้อนอิฐ (Brick Link) ที่สะดุดตามีเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นการประสมประสานระหว่างนาฬิการวมทั้งเครื่องดับได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีให้เลือก 3 ไซซ์หมายถึงMini Small แล้วก็ Medium กล่าวได้ว่าเป็นนาฬิการุ่นที่มีความสะดุดตาที่สุดรุ่นหนึ่งของ เลยก็ว่าได้จ้ะ https://www.nago-coffee.com/