หวีดสุดนรก The Green Inferno (2013) 24 ช.ม. KUBHD.COM

หวีดสุดนรก

หวีดสุดนรก ผู้กำกับอย่างอีไล ร็อธประกาศออกสตาร์ทตั้งแต่ทีแรกว่า The Green Inferno นั้นเป็นหนังที่เขาผลิตขึ้นมาเพื่อค้างราวะหนังอย่าง Cannibal Holocaust หรือในชื่อที่คนประเทศไทยชินหูกันในชื่อ “เปรตเดินดินกินคน” บอกเล่าเรื่องราวของการศึกษาและทำการค้นพบเทปวิดีโอถ่ายทำสารคดีที่คณะทำงานได้ล่องหนไปอย่างลึกลับในป่าเอมะชอน เมื่อเทปวิดีโอถูกเอามาเปิดเล่นก็พบว่าบรรดาคณะทำงานนั้นถูกชนเผ่ากินคนจับไปรับประทาน

ซึ่งภายหลังที่หนังออกฉายในช่วงดังที่กล่าวถึงแล้วผู้ชมคนจำนวนไม่น้อยเชื่อไปว่ามันเป็นความจริง แถมเพศผู้ควบคุมของเรื่องอย่าง บรั๊กเกอโร่ ดีโอดาโต้ โดนตำรวจจับกุมตัวในข้อกล่าวหาทำหนังแนวทรมาทรกรรมคน และก็ถูกยัดเยียดข้อหาว่าเขาเป็นคนการฆ่าดาราหนัง กว่าจะสะสางคดีได้ก็ใช้เวลาร่วมสิบปี เปลี่ยนเป็นหนังคัลท์ในตำนานไปแล้ว (ซึ่งหากว่าถือกลับมามองในขณะนี้จะมองเห็นได้ถึงความไม่เนียนของฉากการฆ่าทั้งหลายแหล่)

กลับมาที่หนังอย่าง The Green Inferno ซึ่งๆหน้าหนังของมันบางทีอาจจะมองเป็นหนังแนวสยองขวัญตื่นเต้นที่บรรดาวัยรุ่นทึ่มๆจำเป็นต้องดาหน้ากันไปตายในป่าที่มีชนเผ่ากินเนื้อคนเป็นของกิน แม้กระนั้นเอาเข้าจริงแล้วตัวหนังเองมีความ “ยั่วล้อ” ขนบของหนังแนวนี้ซ้อนทับอยู่อีกชั้นยอด หวีดสุดนรก กรุ๊ปนิสิตที่ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษย์ชนได้เดินทางไปประเทศเปรูเพื่อช่วยเหลือชนเผ่าพื้นบ้าน “ยาเฮส” จากนักลงทุนที่อยากได้รุกล้ำพื้นที่ป่าเพื่อหวังทรัทพยากรธรรมชาติที่อยู่ใต้ดิน

ช่วงเวลาที่กรุ๊ปนิสิตกำลังเดินทางกลับก็เกิดอุบัติเหตุเรือบินตกจนกระทั่งส่งผลให้เกิดเรื่องราว พร้อมด้วยมูดแอนด์โทนของเรื่องควบคุมให้เป็นไปในทางเดียวกัน การเกลี่ยสีที่มีความหม่น ขาว เทา ดำ ฟุ้ง ๆ ไปในฉากต่าง ๆ ทั้งบน เรือ ห้องควบคุม เมืองและอาคารสถานที่ มีความกลมกล่อมในมูดเดียวกัน แต่ใช่ว่าจะมูดเดียวทั้งเรื่อง ยังมีฉากที่เข้ามาด้วยการตัดกับโทนสว่างบ้างให้ไม่อึมครึมจนเกินไป

ด้านเสียงประกอบ ยังคงอยู่ในมาตรฐานระดับโอเค เสียงดนตรีประกอบแต่ละฉากมีการเลือกใส่เข้ามาตามอารมณ์ของฉากนั้น ๆ และเสริมอรรถรสให้มีความรู้สึกร่วมมากขึ้น ฝั่งเสียงพากย์ต้นฉบับ คุณภาพการถ่ายทอดเสียงดึงอารมณ์ออกมาได้จริง ๆ แต่อาจจะมีบางตัวละครที่ไม่ได้เป็นแกนหลัก พากย์ออกมาแล้วไม่ทำให้เรารู้สึกมีอารมณ์สัมผัสถึงความรู้สึกตัวละครนั้นเท่าไรนัก

หวีดสุดนรก

หวีดสุดนรก

The Green Inferno (2013)

หนังเปิดเรื่องมาที่จัสติน (โลเรนซ่า อิซโซ่) นิสิตสมาชิกใหม่ไฟแรงที่ดูอย่างกับว่าตัวคุณจะมีความสนใจกับเรื่องสิทธิมนุษยชนไม่น้อย คุณได้ยินกรุ๊ปต่อต้านที่กำลังจะเคลื่อนต้านทานการรุกรานตัดไม้ทำลายป่ารวมทั้งขับไสชนเผ่าท้องถิ่นเพื่อนำพื้นที่ไปขุดหาทรัพยากรใต้ดินในประเทศเปรู ทำให้คุณเริ่มพึงพอใจการเป็นนักปฏิวัติทางด้านสังคม นอกเหนือจากนั้นในฐานะที่คุณเป็นถึงบุตรสาวของข้าราชการใน UN (องค์การสหประชาชาติ) แล้วยิ่งทำให้เลือดของนักสังคมสงเคราะห์พล่าน

คุณก็เลยตกลงใจร่วมกับกรุ๊ปนักขยับเขยื้อนที่มีอเลซานโดร (เอเรียล เอวี่) เป็นแกนนำ ท่ามกลางความไม่เห็นพ้องของบิดาและก็รูมมันข้นของคุณเองที่คิดว่า “เด็กไม่มีประสบการณ์” อย่างจัสตินตกลงใจ “ไม่ถูก”แน่ๆว่าการตกลงใจไม่ถูกของจัสตินในความรู้สึกของผู้ชมบางทีก็อาจจะเป็นการที่คุณกำลังเดินหน้าที่เสี่ยงภัยในประเทศโลกลำดับที่สามที่เต็มไปด้วยความรุนแรงแล้วก็วัฒนธรรมที่คุณไม่รู้ แม้กระนั้นในตรงนั้นเองทำให้จัสตินก็ตาสว่างอย่างเดียวกันที่คุณศึกษาค้นพบความเป็นจริงที่ว่าตามที่เป็นจริงแล้ว

การเคลื่อนไหวด้านสังคมบางเรื่องเป็นแค่เพียงการจัดฉากรวมทั้งในช่วงปัจจุบันมันก็เป็นเพียงแค่ “ไวรอคอยล” ที่เป็นกระแสวูบวาบรวมทั้งเลือนลางจางหายไปก่อนที่จะเรื่องใหม่ๆจะตามมา หวีดสุดนรก และก็นั่นเองทำให้ประสบการณ์สอนคุณแต่ว่าการตัดสินใจ “พลาด” ประการต่อมาก็คือเครื่องที่จะนำคุณกลับไปสู่ชีวิตแบบเดิมๆเกิดอุบัติเหตุรวมทั้งตกลงกึ่งกลางป่าลึก ก่อนที่จะบรรดาชนเผ่าล่าเนื้อมนุษย์จะจับคุณและก็เพื่อนฝูงๆไปที่เผ่าแล้วก็เฉือนพวกเขารับประทานเป็นของกินครั้งละคน

ซึ่งในบรรดาฉากเฉือนเนื้อเถือหนังนั้น หนังก็ไม่ได้ตั้งใจจะก่อให้มองร้ายกาจทารุณหรือมองบ้า (ถ้าหากต้องการมองความฟั่นเฟือนเสนอแนะ HOSTEL ผลงานเรื่องเก่าอีไล ร็อธ) แต่ว่ามันมองเป็นฉากเหี้ยมโหดอำมหิตที่มองน่าตลก เนื่องจากว่ามันมองเลียนแบบอย่างจงใจ ฉากชาวป่ารุมฉีกเนื้อและก็มีเด็กในเผ่าลักขโมยขาแล้ววิ่งหน้ายิ้มออกมาฯลฯ 45 นาทีท้ายที่สุดของหนังเป็นฉากที่ขายช่วงการเอาชีวิตรอดของนักแสดงซึ่งเอาเข้าจริงหนังก็ราวกับ “เจตนา” เช็ตนักแสดงกลุ่มนี้ออกมาให้มอง “ไม่น่าเอาใจช่วย” ให้พวกเขารอดชีวิต ด้วยเหตุว่าความชำนาญสำหรับในการเอาชีวิตรอดของพวกเขาก็เห็นได้ชัดว่าต่ำมากมาย

ใส่รับกับแนวความคิดของเจเนอเรชั่น Y ที่ไม่ค่อยมีความทรหดอดทนแล้วก็ย้ำต้องการจะถึงวัตถุประสงค์โน่นเป็นการทำตนเป็นคน “รักสภาพแวดล้อม” แต่ว่าไม่มีการยั้งคิดที่ละเอียดลออและก็ “ทำการบ้าน” กับสิ่งที่พวกเขาบางทีก็อาจจะจำต้องพบเจอ โน่นทำให้พวกเขาฆ่าไม่รอดและก็ตายอย่างอเนจอนาถกันไปครั้งละคน The Green Inferno บางทีอาจจะไม่ใช่หนังที่บันเทิงใจในฐานะหนังสยองขวัญเลือดสาด แต่ว่าในมุมมองของคนเขียนกลับคิดว่ามันบันเทิงใจ

ในฐานะหนังจิกกัดแนวความคิดของคนช่วงปัจจุบันแล้วก็ตั้งอกตั้งใจจะยั่วล้อความรู้สึกของผู้ชม ไม่ไม่มีความเคร่งขรึมเอาจริงเอาจังตั้งแต่ฉากนางเอกของเรื่องกำเนิดพุทธิปัญญาจากการเข้าห้องเรียนวิชาสตรีศึกษาเล่าเรียนแล้วพบว่า “การขลิบอวัยวะเพศหญิง” เกิดเรื่องที่คุณปรารถนาเป็นนักปฏิวัติด้านสังคมแล้ว นับว่าเป็นภาพยนตร์อนิเมะอีกหนึ่งเรื่องที่สร้างความตื่นเต้น ลุ้นไปกับสถานการณ์ที่มีการพลิกแพลงของตัวละครอย่างมีชั้นเชิง แม้เนื้อหาจะจัดหนักเต็ม 2 ชั่วโมงก็ตาม

แต่มีการไต่ระดับอารมณ์และการดำเนินเรื่องที่น่าติดตาม อาจมีช่วงไม่กระชับบ้างแต่ก็ถือว่าเป็นการลงรายละเอียดให้กับตัวละครเพิ่มมากขึ้น หากใครกังวงว่าไม่เคยดูอนิเมะจะเข้าใจเนื้อหาหรือไม่? คำตอบคือเข้าใจ แต่อาจจะไม่รู้ปูมหลังของตัวละคร และระบบเทคโนโลยีซีบิลที่เป็นแกนหลักเท่าไร พ่วงมาด้วนด้วยงานโปรดักชันดีสนั่น สะท้านพื้นที่จริง ๆ ทั้งการเก็บรายละเอียด การเคลื่อนไหว การตัดต่อลื่นไหลเลยทีเดียว และแน่นอนว่าความไซ-ไฟ สืบสวนสอบสวนชวนลุ้นตั้งแต่ต้นจนจบ

Cool Ass Cinema: The Green Inferno (2015) review

รีวิว

ประเด็นนี้ Eli Roth ทำเพื่อทำความเคารพหนังแนว “เปรตเดินดิน กินเนื้อมนุษย์” นะครับ โดยเหตุนี้ผลที่เกิดมันเลยแหวะเต็มกำลังประเภทที่คนชอบดูหนังแนวนี้คงจะโอเค แต่ว่าถ้าหากคนไหนรับมิได้ก็บอกแต่ว่าเนิ่นๆเลยครับผมว่าอย่าดูดีกว่า ประเดี๋ยวจะเครียดเกร็งรวมทั้งระรานอาเจียนได้ พล็อตเกี่ยวกับกรุ๊ปนิสิตที่ตั้งดวงใจเดินทางไปป่าอะเมซอนเพื่อต้านการรุกรานป่าแล้วก็การกวาดล้างชนพื้นเมืองของพวกนักลงทุน แม้กระนั้นแล้วพวกเขาก็ได้รับอุบัติเหตุเรือบินตก ก่อนที่จะโดนจับไปโดนชนพื้นเมืองนั่นแหละ

รวมทั้งชนพื้นเมืองที่ว่าก็เป็นมนุษย์กินเนื้อคนนะครับ ด้วยเหตุผลดังกล่าวพวกเขาก็เลยจะต้องเปลี่ยนเป็นของกินแบบรายคนภายในเวลาถัดมา ยอมรับว่าระหว่างมองนี่ผมใส่ใจเลยขอรับว่าเกลียดชังหนังสยดสยองแนวแหวะจัดๆสักมากแค่ไหน เป็นก่อนหน้าก็มองครับผม แต่ว่าในขณะนี้ดูแล้วรู้สึกไม่แฮปปี้สำหรับการดูราวกับว่าครั้งก่อน ไม่รู้จักด้วยเหตุว่าแก่ขึ้นหรืออะไร หรือมุมมองชีวิตแปรไปก็ไม่เคยทราบ หวีดสุดนรก เลยมีความรู้สึกว่าตนเองอาจจะไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายสำหรับหนังหัวข้อนี้

แม้กระนั้นถ้าหากคนใดกันถูกใจหนังแหวะ ผมว่าท่านจะเพลิดเพลินกับหนังขอรับ ตอนต้นๆผมถูกใจนะ พวกความเขียวชอุ่มของต้นไม้มันมองงามดี แม้กระนั้นพอเพียงช่วงหลังนี่ก็จัดเต็มเรื่องความแหวะนะครับ อีกทั้งฉีก อีกทั้งทึ้ง อีกทั้งล้วง ทั้งยังแทง เฮ่อ ดูแล้วสัมผัสได้เลยว่าเส้นโลหิตมันขึ้นด้วยความเคร่งเครียดนะครับ บีบคั้นจริงๆก็คงจะเขียนไม่ยาวล่ะขอรับ ด้วยเหตุว่าสรุปได้สั้นๆเลยว่าผู้ใดกันถูกใจหนังแหวะก็จัดไป จะมอง BD ชัดๆเลยก็ตามที เนื่องจากว่าหนังฉีกทึ้งกันจนถึงเลือดแดงฉานจริงๆ

แต่ว่าถ้าหากคนไหนกันแน่ไม่แนวก็ผ่านได้ขอรับ อย่าฝ่าฝืนมองเลย ประเดี๋ยวจะเครียดเปล่าๆส่วนผมมองแบบเรื่อยนะครับ สารภาพว่าชั่วร้ายมากมายอยู่ แม้กระนั้นส่วนใดส่วนหนึ่งอาจจะเนื่องจากรสนิยมผมไม่นิยมลาบเลือดเสมือนแต่ก่อนแล้ว ก็เลยไม่ถึงการโปรดอะไรมากมายก่ายกอง ก่อนที่จะบอกเรื่องขัดใจ ผมขอบอกเรื่องที่มีความรู้สึกว่ามันเป็น “ขำขันร้าย” ของหนังก่อนแล้วกัน เป็นพวกนิสิตไปช่วยคนท้องถิ้นให้รอดพ้นจากการเช็ดขลุกรานใช่ไหมนะครับ

ซึ่งครึ่งเรื่องแรกพวกเราจะได้มองเห็นการกระทำภารกิจของพวกตัวนำที่ไปเอาตัวเข้าขวางพวกก่อสร้าง และก็พวกดายป่า แล้วพวกเขาก็ทำสำเร็จครับผม ช่วยขวางได้จนถึงพวกนั้นถอยไปแล้วยังไงขอรับ เทียวไปเทียวมาในเวลาถัดมาพอเพียงเครื่องตก พวกเขาก็โดนชนพื้นเมืองที่พวกเขาช่วยนี่แหละจับไปรับประทาน เอ้อ เฮฮาร้ายดีนะครับ เป็นถ้าเกิดจะคิดว่าพวกตัวนำพบสถานะการณ์ “อวสานโลกงาม” กับตัวก็คงจะได้ ทำนองว่าโลกงามกันนักใช่ไหม ต้องการช่วยคนป่านักใช่ไหม เป็นยังไงล่ะ โดนผู้ที่ตนเองช่วยฉีกทึ้งรับประทานเลย อยู่บ้านดีๆดีแล้วอยู่แล้ว

แต่อย่างไรก็ตามหนังเรื่องนี้มีความน่าสนใจมาก ๆ ในการดูเรื่องดีไซน์ฉากต่อสู้ การเคลื่อนกล้องที่แปลกตา การตัดต่อที่ฉับไวได้อารมณ์เหมือนรับแรงกระแทกไปพร้อมตัวละคร คือมันตื่นตามากพอสมควร แม้จะยังไมถึงขั้นเรียกได้ว่านวัตกรรมทางภาพยนตร์เลยก็เถอะ นอกจากนั้นมันยังมีเซนส์ความยียวนกวนความคาดหวังผู้ชมที่บ้าคลั่งเวอร์วังคล้ายหนังของ เควนติน ทารันทิโน (Quentin Tarantino) เสียด้วยในบางมุม

เอาเป็นว่ามาถึงตรงนี้ ถัดจากบทที่หวือหวาคุมอยู่ g1g2bet หนังเรื่องนี้ก็เป็นตัวชี้วัดที่ 2 ที่ชัดเจนแล้วว่าหนังที่ต้องแม่นจังหวะและหาสไตล์ใหม่ให้ตัวเองไปพร้อมกับการคุมโปรดักชันที่ใหญ่ขึ้น ผู้กำกับอีชุงฮยอนก็ทำได้ดี เขามีศักยภาพในการทำหนังขนาดใหญ่ที่น่าสนใจไปพร้อมกันทั้งพลอตและโปรดักชัน จนนึกสนุกอยากรอดูผลงานเรื่องหน้าของเขาเสียแล้ว สำหรับเรื่องนี้ก็เป็นหนังที่โดยรวมพอดูได้ แต่จะน่าสนใจถ้ามองแค่บางส่วนของงานมากกว่า

Kleenex Ferox… Eli Roth's Seminal THE GREEN INFERNO Reviewed | House Of Freudstein

หัวข้อนี้ทำให้รำลึกถึงฉากเปิด 28 Days Later น่ะครับผม

คล้ายคลึงกันเลย พวกรักษาโลกไปปลดปล่อยสัตว์ทดสอบ หารู้ไม่ว่ามันเป็นการเปิดประตูสู่อภิมหาหายนะของโลก มันบางทีก็อาจจะจริงขอรับที่คนผิดที่มาของเรื่องเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทดสอบหัวข้อนี้ แต่ว่าพวกที่ไปเปิดกรงปลดปล่อยลิงติดเชื้อโรคออกมาแบบไม่เคยรู้เหนือทราบใต้ก็มีส่วนในความรันทดอดสูนั้นเช่นเดียวกัน อดคิดมิได้ครับผมว่าในโลกเวลานี้มันก็มีสถานะการณ์ทำนองนี้กำเนิดอยู่เรื่อยเช่นเดียวกัน เป็นพวกเราทำสิ่งที่พวกเรารู้สึกว่าดี

แม้กระนั้นในที่สุดแล้วมันบางทีอาจมีผลตรงกันข้ามก็ได้ส่วนตอนสุดท้ายที่ขัดใจมันก็คือการที่พี่สาวนางเอกที่รอดมาดันคุ้มครองป้องกันชาวป่าต่อ เป็นผมรู้เรื่องนะว่ามันกำเนิดได้หลายเหตุผล ดังเช่น ทำไปเพื่อปกป้องรักษาสิ่งที่ตัวเราเองทำหรือสิ่งที่ตัวเราเองเชื่อ, ทำเพราะเหตุว่ายังคงโลกงามถัดไปเรื่อยหรือบางครั้งอาจจะรู้เรื่องในมุมว่ามันเป็นวิถีของชนพื้นเมืองที่พวกเราไม่สมควรไปวินิจฉัย อื่นๆอีกมากมาย หวีดสุดนรก แม้กระนั้นบอกตรงๆว่าขัดใจในอารมณ์จริงๆเชียว

เป็นภาพยนตร์สยองขวัญเชื้อชาติอเมริกันที่ควบคุมโดย Eli Roth ซึ่งได้รับแรงผลักดันแล้วก็เป็นการแสดงความเคารพนับถือต่อภาพยนตร์ cannibal ของอิตาลีในช่วงปลายทศวรรษ 1970 และก็ Cannibal boom ต้นสมัย 1980 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Cannibal Holocaust (1980) เรื่องราวของเด็กปีหนึ่งจัสตินที่ได้รับการเชิญเชื้อเชิญจาก อเลฮานโดร หัวหน้าทีมนิสิตที่เคลื่อนด้านสังคม และสหายร่วมกลุ่ม ติดอยู่ร่า, แดเนี่ยล, ลาร์ส, เอมี่, ซาแมนธา, เคย์ซี, โยนาห์ และก็ ติดอยู่คอยส ผู้สนับสนุนของพวกเขา

เพื่อเดินทางไปยังป่าฝนอเมชอนประเทศเปรู โดยมีจุดหมาย เพื่อช่วยชนเผ่าที่ใกล้จะตาย โดยการคุ้มครองพวกเขาจากอารยธรรมที่เข้าไม่ถึง ให้โลกได้พอใจถึงปัญหานี้ ซึ่งมีบริษัทเอกชนชาวประเทศเปรูที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังการนองเลือดชนเผ่า ด้วยการใช้กระบวนการถ่ายทอดสดลงเว็บไซต์ โดยเมื่อพวกเขามาถึงก็ได้กระทำการถ่ายทอดสดเสร็จผ่านไปอย่างสำเร็จลุล่วงด้วยดีและก็ได้ขึ้นเครื่อง แต่ว่าในระหว่างเดินทาง เรือบินเกิดเหตุรีบด่วน ทำให้พวกเขาตกลงมากมายลางป่าและก็พบกับกลุ่มของผู้คนเผ่ายาเฮช

ที่ล่าหัวคนกินคนเป็นของกิน พวกเขาจะเอาชีวิตรอดไปได้ไหมเปิดเรื่องด้วยการฉายถึงกรุ๊ปนักแสดงที่กำลังเรียกร้องความยุติธรรมเรื่องรับรองสุขภาพ พร้อมกับผู้แสดงหลักที่จัดเตรียมเข้าห้องเรียนการบรรยายถึงพิธีการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของประเทศในทวีปแอฟริกา ตอนแรกจะเป็นการปูเรื่องราวของนักแสดงหลักรวมทั้งที่ไปที่มาก่อนจะร่วมกับกรุ๊ปนิสิตคัดค้านรวมทั้งเดินทางไปประเทศเปรู ต่อจากนั้นผู้แสดงก็เดินทางจนกระทั่งมาถึงประเทศเปรูรวมทั้งเดินทางเข้าป่า

ตอนนี้ก็จะให้บรรยากาศราวกับกำลังร่วมเดินทางแล้วก็ทัศนศึกษาไปกับผู้แสดงด้วย ซึ่งก็มีตอนตลกขบขันสร้างรอยยิ้มแล้วก็เสียงหัวเราะบ้างต่อจากนั้นก็จะเป็นการเริ่มต่อต้าน ซึ่งก็ชักชวนลุ้นเอาใจช่วยผู้แสดงดี กระทั่งเมื่อเรือบินเกิดเหตุรีบด่วนก็เบาๆน่าดึงดูดขึ้นเรื่อยซึ่งระยะนี้เป็นต้นไปจะมีฉากชั่วร้ายบ้าง ซึ่งฉากชั่วร้ายก็ฉายให้เห็นกระจ่างเจนไม่มีตัดเลย ดูแล้วเห็นใจผู้แสดง ซึ่งในระหว่างนี้ก็มีฉายให้มองเห็นถึงวิถีชีวิตของชนเผ่าบ้างรวมทั้งมีตอนให้ลุ้นเอาใจช่วยผู้แสดงบ้าง

ซึ่งผู้แสดงก็เพียงพอเฉลี่ยวฉลาดฉลาดบ้าง หวีดสุดนรก รวมถึงได้เผยนิสัยที่จริงจริงของนักแสดงบางบุคคลออกมา บางจุดเพียงพอทายใจเรื่องได้บ้างสำหรับการกลับมาในรอบ 10 ปีของอนิเมะเรื่องนี้ คือชวนติดตามเป็นอย่างมาก นอกจากพล็อตและการดำเนินเรื่องแล้ว โปรดักชันก็ดีเช่นเดียวกัน เป็นจุดที่เราชื่นชมได้อย่างเต็มปาก เพราะโปรดักชันคุณภาพมาก ฉากเปิดบนเรือท่ามกลางสายฝนและคลื่นซัดกระหน่ำ พร้อมการต่อสู้แอ็กชันของตัวละครที่เกริ่นขึ้นมา กลิ่นอายความเข้มข้นสามารถดึงดูดได้ตั้งแต่ต้นเรื่อง พร้อมด้วยมุมภาพเอย การตัดต่อ การเคลื่อนไหวแอนิเมชัน ลื่นไหลอย่างลงตัว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *